มอยส์เจอไรเซอร์ดีอย่างไร
การรักษาความชุ่มชื้นของผิว จะทำให้ผิวมีความเรียบเนียนนุ่มนวลน่าสัมผัส ไม่แห้งกร้าน หรือลอกเป็นขุย นับว่าเป็นการคุ้มครองดุลยภาพ (Homeostasis) ของผิวที่มีสุขภาพดีไว้ ในสภาวะปกติผิวหนังชั้นนอกสุดหรือชั้นขี้ไคล จะช่วยกักเก็บน้ำภายในเซลล์ไม่ให้สูญเสียไปเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว หากผิวขาดความชุ่มชื้นหรือดุลยภาพของเซลล์ผิวสูญเสียไป จะทำให้ผิวแห้ง ลอก หยาบกร้าน อาจมีอาการคัน แล้วยังทำให้สารต่างๆ และเชื้อโรคสามารถเข้าสู่ผิวหนังได้ง่ายขึ้น ก่อให้เกิดอาการแพ้ระคายเคือง เกิดการอักเสบและติดเชื้อได้ง่าย
ปัจจัยที่ทำให้สูญเสียความชุ่มชื้นของผิวมีหลายประการด้วยกัน เช่น มลภาวะต่างๆ สภาพอากาศร้อน แห้งหรือหนาวจัด แสงแดด การรบกวนจากสารเคมีต่างๆ การเสียดสี ขัดถู หรือผิวแห้งอักเสบ เป็นต้น สภาวะดังกล่าวจะทำให้ผิวกักเก็บน้ำได้น้อยลง เมื่อผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและอยู่ในสภาวะไม่สมดุลหรือไม่มีดุลยภาพ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ และใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในกลุ่ม Code booster ซึ่งเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ (moisturizer) ที่ช่วยปกป้อง (Protection) การสูญเสียน้ำได้ดีขึ้น กักเก็บน้ำไม่ให้ระเหยออกจากผิวหนัง ลดการเกิดขุย หรือลดการหลุดลอกของผิวชั้นขี้ไคล และช่วยดูดความชื้นจากสิ่งแวดล้อมภายนอกเข้าสู่ผิวหนัง ทั้งนี้ยังเป็นการกระตุ้นการส่งสัญญาณที่ดีให้กับเซลล์ผิว เช่น กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ทำให้ริ้วรอยของเราเกิดช้าลง
มอยส์เจอไรเซอร์แบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. Emollient เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ ที่ช่วยลดการหลุดลอกของเซลล์ผิวหนัง ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม สารที่ใช้ เช่น โจโจ้บาออยล์ มิเนอรัลออยล์ เหมาะกับผู้ที่มีผิวปกติ
2. Occlusive มีคุณสมบัติช่วยเคลือบผิว ลดการสูญเสียน้ำในผิว สารที่ใช้ เช่น ปิโตรลาทัม พวกลาโนลิน หรือ โจโจ้บาออยล์ เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง ลอก หรือมีขุย
3. Humectant ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นโดยการดึงน้ำจากภายนอกและดูดซับไว้ เช่น สารกลีเซอรีน ซอร์บิทอล เหมาะกับผู้ที่โดยปกติมีผิวแห้ง
1. Emollient เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ ที่ช่วยลดการหลุดลอกของเซลล์ผิวหนัง ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม สารที่ใช้ เช่น โจโจ้บาออยล์ มิเนอรัลออยล์ เหมาะกับผู้ที่มีผิวปกติ
2. Occlusive มีคุณสมบัติช่วยเคลือบผิว ลดการสูญเสียน้ำในผิว สารที่ใช้ เช่น ปิโตรลาทัม พวกลาโนลิน หรือ โจโจ้บาออยล์ เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง ลอก หรือมีขุย
3. Humectant ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นโดยการดึงน้ำจากภายนอกและดูดซับไว้ เช่น สารกลีเซอรีน ซอร์บิทอล เหมาะกับผู้ที่โดยปกติมีผิวแห้ง
ถ้าแบ่งง่ายๆ ตามรูปแบบของมอยส์เจอไรเซอร์ มี 3 ชนิด คือ
1. ชนิดครีม (cream) มีลักษณะเนื้อครีมจะค่อนข้างเข้มข้น ไม่เหลว
2. ชนิดขี้ผึ้ง (anhydrous ointment) มีลักษณะครึ่งแข็งครึ่งเหลวค่อนข้างเหนียว เมื่อทาแล้วจะแผ่กระจายบนผิวหนัง จึงช่วยลดการระเหยของน้ำได้ดี
3. ชนิดน้ำมัน (oil) เป็นมอยเจอไรเซอร์ที่เมื่อทาแล้วจะรู้สึกเหนอะหนะ แต่จะเป็นสารที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้มากกว่ารูปแบบอื่น
1. ชนิดครีม (cream) มีลักษณะเนื้อครีมจะค่อนข้างเข้มข้น ไม่เหลว
2. ชนิดขี้ผึ้ง (anhydrous ointment) มีลักษณะครึ่งแข็งครึ่งเหลวค่อนข้างเหนียว เมื่อทาแล้วจะแผ่กระจายบนผิวหนัง จึงช่วยลดการระเหยของน้ำได้ดี
3. ชนิดน้ำมัน (oil) เป็นมอยเจอไรเซอร์ที่เมื่อทาแล้วจะรู้สึกเหนอะหนะ แต่จะเป็นสารที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้มากกว่ารูปแบบอื่น
โดยปกติในแต่ละผลิตภัณฑ์อาจมีสารหลายชนิดผสมกัน และไม่ว่าจะใช้แบบใด ผลิตภัณฑ์นั้นจะต้องมีสารที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นค่อนข้างสูงและให้ความชุ่มชื้นได้อย่างยาวนาน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือเกิดการแพ้
ที่สำคัญคือต้องสร้างดุลยภาพให้กับผิว และเก็บกักความชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อคงดุลยภาพของเซลล์ผิว (Cell Homeostasis) ที่ดีไว้ ให้สดใส ห่างไกลโรค
ขอบคุณข้อมูลจาก ราชเทวีคลินิก
ที่สำคัญคือต้องสร้างดุลยภาพให้กับผิว และเก็บกักความชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อคงดุลยภาพของเซลล์ผิว (Cell Homeostasis) ที่ดีไว้ ให้สดใส ห่างไกลโรค
ขอบคุณข้อมูลจาก ราชเทวีคลินิก